FEATURE: GHL ผู้นำระบบเพย์เมนต์ระดับภูมิภาค จับมือ UOB เสริมแกร่งด้านดิจิทัลเพย์เมนต์
การจับจ่ายที่สะดวกสบายอย่างทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นการชำระเงินทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ผ่านเครื่องรูดบัตร EDC ล้วนมีเบื้องหลังสำคัญจากผู้ให้บริการชำระเงิน ซึ่ง “GHL” ถือเป็นผู้นำระบบเพย์เมนต์ระดับภูมิภาคอาเซียน ที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ประเทศมาเลเซีย และเป็นบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศมาเลเซีย โดยปีนี้นับเป็นการครบรอบ 30 ปีของการก่อตั้ง GHL Group ซึ่งนอกจากมาเลเซียแล้ว ยังขยายธุรกิจในฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย และเข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยกว่า 17 ปีแล้ว

คุณปริญญา จินันทุยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีเอชแอล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ธุรกิจเพย์เมนต์มีการพัฒนาและมีความก้าวหน้าตลอดเวลา ซึ่ง GHL ประเทศไทยได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้ ประสบการณ์ เทคโนโลยี และทีมงานผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทแม่ในฐานะผู้นำระบบเพย์เมนต์ระดับภูมิภาค จนเป็นผู้ให้บริการรับชำระเงินทั้งแบบออนไลน์หรืออีคอมเมิร์ซ และการรับชำระผ่านเครื่องรูดบัตร EDC แบบครบวงจร รวมถึงเป็นตัวแทนจำหน่ายและให้เช่าเครื่องรูดบัตร EDC ให้กับกลุ่มลูกค้าองค์กรอย่างธนาคารและบริษัทพันธมิตรต่างๆ รวมถึงการพัฒนาโปรแกรมหรือโซลูชันต่างๆ ตามความต้องการของลูกค้า

การพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งทำให้วันนี้เครื่องรูดบัตร EDC ของ GHL เป็นเครื่องรับชำระเงินแบบ All-In-One ที่รองรับการรับชำระเงินได้หลากหลายรูปแบบที่สุดก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นการรับบัตรเดบิตหรือบัตรเครดิตวีซ่า มาสเตอร์คาร์ด ยูเนี่ยนเพย์ เจซีบี อเมริกันเอ็กซเพรส นอกจากนี้ยังรองรับการชำระเงินในรูปแบบคิวอาร์โค้ดและอีวอลเล็ตต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ เช่น พร้อมเพย์ (Thai QR), ทรูมันนี่ วอลเล็ต, ไลน์เพย์, ช้อปปี้เพย์, ลาซาด้าเพย์, อาลีเพย์, อาลีเพย์พลัส เพื่อรองรับการรับชำระเงินจากอีวอลเล็ตของต่างประเทศ เช่น จีน สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาประเทศไทยเป็นจำนวนมากเป็นลำดับต้นๆ เพื่อตอบโจทย์ให้กลุ่มธุรกิจร้านค้าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าปลีก ร้านอาหารและเครื่องดื่ม กลุ่มโรงแรมและการบริการต่างๆ ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ท่องเที่ยวให้สามารถรองรับดิจิทัลเพย์เมนต์ที่มีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีจุดบริการร้านค้าที่รับบัตรมากกว่า 10,000 ร้านค้า
ในปีที่ผ่านมา นอกจากการพัฒนาการรับชำระด้วยคิวอาร์และอีวอลเล็ตต่างๆ ให้อยู่บน GHL LINE Official Account สำหรับร้านค้ารายย่อยที่ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องรูดบัตร EDC แล้ว GHL ยังได้สร้างความแตกต่างด้วยการเพิ่มมูลค่าให้กับเครื่องรูดบัตร EDC All-In-One โดยสามารถรองรับการรูดแบบผ่อนชำระด้วยบัตรเครดิตได้ถึง 6 ธนาคารผู้ออกบัตรไว้ในเครื่องเดียว เพื่อลดความยุ่งยากในการติดต่อและวางเครื่องของแต่ละธนาคารแบบหนึ่งต่อหนึ่ง และยังเป็นปีสำคัญของการจับมือกับพาร์ทเนอร์รายใหญ่อย่างธนาคารยูโอบีเพื่อร่วมกันขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจภายใต้ ยูโอบี บิซสมาร์ท (UOB BizSmart) ซึ่งเป็นการนำโซลูชันการจัดการธุรกิจต่างๆ ที่ทางธนาคารได้คัดสรรมาจากพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ เพื่อนำมาช่วยลดต้นทุน ประหยัดเวลา เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารธุรกิจให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี พร้อมปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่สังคมไร้เงินสด”

คุณสยุมรัตน์ มาระเนตร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ Head of Business Banking ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวว่า ธนาคารยูโอบีมองหาพาร์ทเนอร์ที่สามารถนำเสนอโซลูชันที่ตอบโจทย์ความต้องการของทั้งธุรกิจและผู้บริโภคได้ และเห็นว่า GHL เป็นหนึ่งในผู้นำด้านการรับชำระเงินในภูมิภาคอาเซียน ที่นำเสนอบริการการรับชำระเงินผ่านเครื่องรูดบัตรแบบ All-In-One ที่มีมาตรฐานในระดับโลก น่าเชื่อถือ และสามารถรองรับการชำระเงินได้อย่างหลากหลายครอบคลุม ทั้งจากบัตรเครดิต บัตรเดบิต คิวอาร์ รวมถึงการชำระจากอีวอลเล็ตชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ และยังมีทีมงานมืออาชีพที่ช่วยดูแลกระบวนการอนุมัติและติดตั้งเครื่องรับบัตร รวมถึงบริการหลังการขายให้กับลูกค้าของยูโอบี ธนาคารจึงมีความมั่นใจในการนำโซลูชันของ GHL มาเป็นหนึ่งในโซลูชันของ UOB BizSmart เพื่อเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญในการช่วยให้ธุรกิจเอสเอ็มอีสามารถบริหารธุรกิจในยุคดิจิทัลที่มีการแข่งขันสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ทั้งนี้ กลุ่มลูกค้าหลักที่ธนาคารเข้าไปแนะนำบริการของ GHL ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอีแบบ B2C (Business-to-Consumer) ที่มีหน้าร้าน และมีการรับชำระเงินสดอยู่เป็นประจำ เช่น ร้านอาหาร คาเฟ่ คลินิกเสริมความงาม สปา ร้านค้าปลีก โรงแรม และร้านค้าตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เป็นต้น เนื่องจากธุรกิจเหล่านี้เป็นธุรกิจที่มีลูกค้าเป็นทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ มีความต้องการช่องทางชำระเงินที่หลากหลาย ดังนั้น การมีโซลูชันที่รองรับการชำระเงินที่หลากหลายแบบ All-In-One ในเครื่องเดียวอย่าง GHL จึงช่วยให้ร้านค้าสามารถรองรับรูปแบบการชำระเงินตามที่ลูกค้าต้องการ ไม่เสียโอกาสในการขายสินค้า รวมถึงช่วยลดการรับเงินสดที่มีต้นทุนในการบริหารจัดการและความเสี่ยงที่สูงกว่า ยกระดับภาพลักษณ์และการสร้างความเชื่อมั่นกับร้านค้าที่ได้รับเครื่องผ่านการพิจารณาจากทางธนาคาร
“ผู้ประกอบการเจ้าของร้านที่ได้รับการติดตั้งเครื่องรูดบัตรของ GHL มีความพึงพอใจเป็นอย่างมาก เพราะถือว่าเป็นตัวช่วยสำคัญในการดำเนินธุรกิจให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อำนวยความสะดวกในการรับชำระเงินให้แก่ลูกค้าที่เข้ารับบริการ และปรับปรุงการทำงานของระบบหลังบ้าน ทำให้ธุรกิจสามารถตรวจสอบยอดรายรับได้สะดวก ลดการผิดพลาดในการชำระค่าบริการและมีความปลอดภัย” คุณสยุมรัตน์ กล่าว
จากผลตอบรับที่ดีดังกล่าว แน่นอนว่าทั้ง GHL และธนาคารยูโอบี ยังคงเดินหน้าร่วมมือกันสนับสนุนผู้ประกอบการในมิติต่างๆ ต่อไปในอนาคต โดยนอกเหนือจากให้บริการรับชำระเงินผ่านเครื่องรูดบัตรแล้ว ทางธนาคารยังมีแผนที่จะนำโซลูชันการรับชำระเงินผ่านช่องทางอื่นๆ ที่ไม่ใช้เครื่องรูดบัตร เช่น การรับชำระเงินผ่าน Payment Gateway สำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ, การชำระเงินผ่าน QR Payment ที่ถูกสร้างขึ้นผ่าน LINE Official Account ซึ่งจะเหมาะกับร้านค้าที่เน้นการรับเงินผ่านคิวอาร์เป็นหลัก
ในส่วนของเครื่องรูดบัตร ทาง GHL อยู่ในระหว่างการนำนวัตกรรมใหม่ Digital Sales Slip ผ่านการสแกน QR Code มาใช้ในการออกใบเสร็จ เพื่อลดการใช้งานในรูปแบบกระดาษ ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของ Digital Transformation ของทางยูโอบี ที่ต้องการให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมีส่วนร่วมในการลดการเกิดขยะ ลดการสะสมการตกค้างของสารเคมีสู่สิ่งแวดล้อม และเป็นอีกเทรนด์หนึ่งที่ภาคธุรกิจต้องเข้าใจถึงการดำเนินธุรกิจแบบยั่งยืน

สุดท้ายนี้ คุณปริญญา ย้ำถึงการทำงานในปีนี้ว่า “GHL ยังคงให้ความสำคัญในการพัฒนาต่อยอดเพิ่มเติมรูปแบบการรับชำระเงินใหม่ๆ ทั้งบนแพลตฟอร์มออนไลน์ และในเครื่องรูดบัตร EDC All-In-One โดยเฉพาะในเครื่องรูดบัตร EDC มีแผนที่จะก้าวเข้าสู่การบริการดิจิทัลเต็มรูปแบบที่มากกว่าแค่การรับชำระเงิน ด้วยการเพิ่มฟังก์ชั่นใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เจ้าของร้านค้า ในการช่วยบริหารจัดการ เช่น การพัฒนารวมเอาระบบขายหน้าร้าน (POS System) และระบบรับชำระเงินไว้ในเครื่องเดียว เพิ่มเติมระบบ CRM ในการสะสมคะแนนและสามารถใช้คะแนนเพื่อชำระค่าสินค้าและบริการได้ หรือระบบสั่งอาหารผ่านคิวอาร์โค้ดที่เชื่อมต่อกับระบบชำระเงิน ตอกย้ำจุดเด่น เครื่องรูดบัตร EDC All-In-One ที่รวบรวมทั้งระบบช่วยในการขายและรับชำระเงินได้ทุกรูปแบบในเครื่องเดียว ซึ่งคาดการณ์ว่าผลประกอบการ GHL ประเทศไทยจะเติบโตกว่า 100% ในปี 2567 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา นับเป็นการเติบโตไปพร้อมกับคู่ค้า พาร์ทเนอร์ และซัพพลายเชนในอีโคซิสเต็ม”

สุดท้ายนี้ คุณปริญญา ย้ำถึงการทำงานในปีนี้ว่า “GHL ยังคงให้ความสำคัญในการพัฒนาต่อยอดเพิ่มเติมรูปแบบการรับชำระเงินใหม่ๆ ทั้งบนแพลตฟอร์มออนไลน์ และในเครื่องรูดบัตร EDC All-In-One โดยเฉพาะในเครื่องรูดบัตร EDC มีแผนที่จะก้าวเข้าสู่การบริการดิจิทัลเต็มรูปแบบที่มากกว่าแค่การรับชำระเงิน ด้วยการเพิ่มฟังก์ชั่นใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เจ้าของร้านค้า ในการช่วยบริหารจัดการ เช่น การพัฒนารวมเอาระบบขายหน้าร้าน (POS System) และระบบรับชำระเงินไว้ในเครื่องเดียว เพิ่มเติมระบบ CRM ในการสะสมคะแนนและสามารถใช้คะแนนเพื่อชำระค่าสินค้าและบริการได้ หรือระบบสั่งอาหารผ่านคิวอาร์โค้ดที่เชื่อมต่อกับระบบชำระเงิน ตอกย้ำจุดเด่น เครื่องรูดบัตร EDC All-In-One ที่รวบรวมทั้งระบบช่วยในการขายและรับชำระเงินได้ทุกรูปแบบในเครื่องเดียว ซึ่งคาดการณ์ว่าผลประกอบการ GHL ประเทศไทยจะเติบโตกว่า 100% ในปี 2567 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา นับเป็นการเติบโตไปพร้อมกับคู่ค้า พาร์ทเนอร์ และซัพพลายเชนในอีโคซิสเต็ม”
Article and photo credits: BrandAge Magazine
Source: https://brandage.com/article/38546
×