เข้าสู่สังคมไร้เงินสดต้องรู้! ระบบ e-payment คืออะไร มีกี่แบบ?
ทุกวันนี้ทุกคนคงทราบดีว่าการโอนเงิน ชำระเงิน หรือการทำธุรกรรมทางการเงินต่างๆ สามารถทำได้อย่างสะดวกและรวดเร็วมาก เพียงแค่คุณมีโทรศัพท์มือถือเครื่องเดียว! สิ่งเหล่านี้เราเรียกว่าระบบ e-payment (Electronic Payment System) นอกจากเพิ่มความสะดวกในการจับจ่ายซื้อของแล้วยังเข้ามาเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ของเราเป็นอย่างมากอีกด้วย ซึ่งช่องทางการชำระเงินผ่านระบบ e-payment นี้ก็มีอยู่ด้วยกันหลายประเภท จะมีประเภทไหนบ้าง และเหมาะกับกลุ่มผู้ใช้งานแบบไหน เราจะมาทำความรู้จักไปพร้อมกัน
e-payment คืออะไร?
ระบบ e-payment (Electronic Payment System) คือ ระบบการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้งานแทนการถือเงินสดได้อย่างสะดวก ช่วยให้การชำระเงินหรือโอนเงินระหว่างกันทำได้ง่าย รวดเร็ว โดยสามารถใช้งานระบบ e-payment นี้ได้ผ่านทางสมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์ที่มีระบบอินเทอร์เน็ตเป็นสื่อกลางการเชื่อมต่อ ซึ่งผู้ให้บริการระบบ e-payment นั้นล้วนอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทยทั้งหมด
ระบบ e-payment มีกี่ประเภท?
ในปัจจุบันระบบ e-payment ตามพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทยถูกแบ่งออกเป็น 8 ประเภท ดังนี้
1. เครื่องรูดบัตร EDC หรือ Electronic Data Capture
เป็นเครื่องที่ร้านค้าติดตั้งเพื่อรับชำระค่าสินค้าและบริการ รองรับการชำระเงินหลายรูปแบบตามแต่ผู้ให้บริการแต่ละเจ้าจะเปิดให้บริการ โดยตัวเครื่องรูดบัตรในปัจจุบันสามารถรองรับระบบรับชำระได้ทั้งบัตรเครดิต บัตรเดบิต สแกนจ่ายด้วย QR Code หรือ E-Wallet ต่างๆ เช่น ThaiQR , Alipay, True Money, Line Pay อีกทั้งยังสามารถใช้รับผ่อนชำระผ่านบัตรเครดิตของธนาคารได้อีกด้วย
2. การชำระผ่านโทรศัพท์มือถือ (Mobile Payment)
บริการการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ประเภทนี้มักจะรวมเข้ากับแอปพลิเคชันของร้านค้า ทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกซื้อสินค้าในแอปพลิเคชัน และชำระเงินผ่านสมาร์ตโฟนที่มีอินเทอร์เน็ตได้ทันที โดยให้ตัดเงินจากบัตรเดบิต หรือบัตรเครดิต, จ่ายผ่านแอปฯ ธนาคาร (Mobile banking), หรือ จ่ายด้วย Thai QR หรือ ระบบ E-Wallet ต่างๆ
3. บริการหักบัญชี (Clearing)
เป็นบริการรับชำระเงินที่ทำหน้าที่ตรวจสอบและยืนยันคำสั่งที่จะหักเงินในบัญชีธนาคาร ตามที่ได้มีการผูกบัญชีหรือทำข้อตกลงไว้กับธนาคาร เพื่อให้เกิดความแม่นยำและรวดเร็วในการชำระเงิน
4. บริการรับชำระเงินแทน
บริการที่ให้บุคคลหรือธุรกิจสามารถชำระเงินหรือรับเงินผ่านตัวกลางที่สาม โดยไม่ต้องทำธุรกรรมโดยตรงกับผู้ขายหรือผู้ให้บริการ
5. บริการสวิตชิ่งในการชำระเงิน (Transaction Switching)
เป็นบริการที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการเชื่อมต่อระหว่างผู้ให้บริการ e-payment กับผู้รับบริการ e-payment รับส่งข้อมูลรายการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ให้แก่ผู้ให้บริการตามที่ตกลงกัน
6. ระบบเครือข่ายบัตร (Payment Card Network)
เป็นบริการชำระเงินผ่านบัตร ATM, บัตรเครดิตและบัตรเดบิต โดยใช้วิธีการส่งข้อมูลการเงินของผู้ใช้ไปยังผู้ให้บริการบัตร ซึ่งยอดเงินที่ต้องชำระจะถูกหักจากบัญชีเงินฝากของผู้ถือบัตรทันที ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามฟังก์ชันการใช้งานของแต่ละบัตร เช่น บัตรเครดิตจะถูกเรียกเก็บยอดชำระที่ได้ใช้จ่ายไปตามรอบที่ตกลงกันไว้ หากไม่จ่ายก็ต้องเสียดอกเบี้ยและค่าปรับตามมา
7. ระบบเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money)
เป็นระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยผู้ใช้งานสามารถสร้างบัญชี e-Money ขึ้นมาและเติมเงินเข้าไปในบัญชีผ่านช่องทางต่างๆ เพื่อชำระค่าบริการหรือสินค้า หรือที่เรียกว่า e-Wallet เช่น e-Wallet แอปพลิเคชันในโทรศัพท์มือถืออย่าง True Money, Alipay, เป๋าตัง หรือ Line Pay เป็นต้น
8. ระบบการชำระดุล (Settlement)
เป็นกระบวนการรับชำระเงินที่สร้างความสะดวกในการโอนเงินหรือทรัพย์สินระหว่างฝ่ายต่างๆ ในรูปแบบการบริการชำระเงินแบบล่วงหน้า โดยจะมีการหักเงินในบัญชีของผู้ใช้เพื่อนำไปชำระแก่เจ้าหนี้แบบอัตโนมัติ เช่น การซื้อขายหลักทรัพย์, การชำระเงิน และธุรกรรมการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
ระบบ e-payment เหมาะกับกลุ่มผู้ใช้งานประเภทไหนบ้าง?
ระบบ e-payment เป็นการชำระเงินที่มีทั้งความสะดวกสบาย ประหยัดเวลา และมีระบบต่างๆ ที่สามารถเลือกใช้ได้ตรงตามความต้องการของแต่ละคน จึงเหมาะกับกลุ่มผู้ใช้งานหลากหลาย ดังนี้
· ผู้ที่ต้องการความสะดวกและรวดเร็ว:
ระบบ e-payment ช่วยลดเวลาในการทำธุรกรรมการชำระเงิน และสามารถเลือกใช้บริการการเงินตามความต้องการได้อย่างหลากหลาย เช่น ช้อปปิ้งออนไลน์ หรือจ่ายค่าบริการต่างๆผ่านมือถือ
· นักธุรกิจและผู้ประกอบการ:
ระบบ e-payment จะช่วยให้นักธุรกิจและผู้ประกอบการทำธุรกรรมการเงินได้หลากหลายช่องทาง สะดวกและรวดเร็วมากขึ้น
· ผู้ที่ต้องการความปลอดภัยสูง:
ระบบ e-payment มีมาตรการความปลอดภัยสูง จึงช่วยปกป้งข้อมูลทางการเงินของคุณได้เป็นอย่างดี
จะเห็นได้ว่าในปัจจุบันระบบการชำระเงินหรือการทำธุรกรรมทางการเงินในประเทศไทยมีความสะดวกและคล่องตัวมากขึ้น และในอนาคตระบบ e-payment มีแนวโน้มที่จะเติบโตได้อีกอย่างแน่นอน โดยอาจมีการเปลี่ยนแปลงไปตามพัฒนาการและความต้องการของตลาดในแต่ละช่วง รวมถึงการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ร่วมด้วย
สนใจบริการจาก GHL สามารถพูดคุยกับเราได้แล้ววันนี้
โทร. 0-2440-0111
คลิก https://th.ghl.com/contact